ฟีเจอร์วัดออกซิเจนในเลือด ในรุ่นนี้ได้ปรับปรุงความแม่นยำของเซ็นเซอร์ ในการวัดออกซิเจนในเลือดมากขึ้น โดยจะใช้ไฟ LED สีเขียว สีแดง จะเป็นอินฟราเรดสี่ตัว พร้อมกับโฟโตไดโอดสี่ดวง ที่อยู่ด้านหลังของตัวเรือน เพื่อวัดแสงจากเลือดของเราที่ข้อมือ และมีฟีเจอร์ใหม่อย่าง Blood Oxygen ที่ออกแบบมาเพื่อวัดระดับออกซิเจนในเลือดระหว่าง 70 เปอร์เซ็นต์ ถึง 100 เปอร์เซ็นต์ หากเกินหรือต่ำกว่านี้ ก็จะมีการเตือนขึ้นมาให้รู้ทันที นอกจากนี้ยังมีสัญญาณ ที่บอกถึงระบบทางเดินหายใจ หากมีความเสี่ยงในเรื่องของการเป็น ไข้หวัดใหญ่ และ COVID-19 ด้วย 4. การวัดระดับความสูง ที่เปิดอยู่ตลอดเวลา (Always-On Altimeter) ฟีเจอร์ที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือ เครื่องวัดความสูง ที่เปิดอยู่ตลอดเวลา ให้เราได้รู้ระดับความสูงแบบเรียลไทม์ ตลอดทั้งวันโดยใช้เครื่องวัดความสูงแบบ barometric ที่ช่วยประหยัดพลังงานมากขึ้น พร้อมการเชื่อมต่อด้วย GPS และ Wi-Fi 5. Watch Face แบบใหม่ Watch Face ก็เป็นอีกอย่างที่ทาง Apple ได้นำเสนอเข้ามาใหม่ด้วย โดยหน้าจอของตัว Watch Series นี้จะมี Watch Face ใหม่ที่เข้ามาคือ GMT, Time Roman, Memoji Face ที่ให้เราสามารถใส่หน้าตัวเองที่เป็น Memoji เคลื่อนไหวได้ ก็ดูน่าสนใจ และช่วยให้ดูมีลูกเล่นมากขึ้นเยอะเลย 6.
Apple Watch Collection คอลเลคชันของตัว Series 6 นี้ก็จะลดระดับจากรุ่นก่อนหน้าลงมาหน่อย โดยจะมีรุ่นที่เป็น Standard หรือรุ่นปกติ ที่เป็นอะลูมิเนียม กับ สแตนเลสสตีล รุ่น Nike ที่เป็นวัสดุอะลูมิเนียมพร้อมกับสายสวยงามเหมือนเดิม Apple Watch Hermès ที่สายจะเบาบางกว่า Series 5 แต่จะเพิ่มเข้ามาในส่วนของสีสันที่มากขึ้น และวัสดุเป็นสแตนเลสสตีล และสุดท้ายคือแบบ Watch Edition ที่วัสดุเป็นไทเทเนียม 7.
และ 44 มม. มีสองรุ่นคือ GPS และ GPS+Cellular มีรุ่นใหม่คือ Apple Watch SE Apple Watch SE มี Cellular เพื่อรองรับ Family Setup วัสดุใหม่ เป็นอะลูมิเนียมแบบรีไซเคิล 100% มีสีแดง และ สีน้ำเงิน เพิ่มเข้ามาใหม่ สายใหม่ แบบ Solo Loop ที่ไม่มีตัวล็อค ไม่มีเข็มแบบปรับขนาดได้ จะเป็นเหมือน Wisrt Band แทน แบตเตอรี่ 303.